ถั่งเช่า สู้ “โรคเก๊าท์”
สาเหตุหลักของผู้ป่วยโรคเก๊าต์ 90% เกิดจากความผิดปกติอยู่ที่การขับกรดยูริกออกทางไต ผู้ป่วยมักมีปัญหาภาวะไตเสื่อมหรือทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพคนที่เป็นโรคเก๊าท์จะมีการขับกรดยูริกออกทางไตได้น้อยกว่าคนปกติ
ถั่งเช่า มีสรรพคุณหลักช่วยบำรุงไตส่งผลให้การทำงานของไตดีขึ้น สามารถกำจัดของเสียในร่างกาย มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถขับกรดยูริกที่เป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถั่งเช่า ได้รับการใช้ในการแพทย์แผนจีนในการช่วยปกป้องตับและไตของคุณจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งมีผลดีสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์และผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบ
ในปี 2007 มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง พบว่าสารโพลีแซคคาไรด์ที่พบในถั่งเช่าและในเห็ดหลินจือสามารถช่วยป้องกันยับยั้งอาการไขข้ออักเสบ ต้านการอักเสบที่มีศักยภาพมากและสารโพลีแซคาไรด์ยังช่วยปรับสมดุลร่างกายทำให้เอนไซม์ในร่างกายทำอย่างปกติ
อีกรณีศึกษา คือ ในผู้ป่วยที่กำลังจะได้รับการปลูกถ่ายไตแบ่งออกเป็นสองกลุ่มการเก็บตัวอย่าง ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ที่มีการควบคุมการให้ยากดระบบภูมิคุ้มกัน, ยาเมทิลเพรดนิโซโลน (Methylprednisolone), ยาซัยโคลฟอสฟาไมด์ (Cyclophosphamide) กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับยาดังกล่าวด้วยเช่นกันแต่เพิ่มการบริโภคถั่งเช่าทิเบตปริมาณ 1 กรัม 3 ครั้งต่อวัน พบว่าได้ผลดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับถั่งเช่า โดยสามารถลดระดับการถูกทำลายของอวัยวะ ได้แก่ ตับและไต จาก 18.35% ลงไปเหลือที่ 7.53% และลดกรดยูริคในเลือดรวมถึงโปรตีนในปัสสาวะจาก 2.25 +/- 0.58g ลงไปที่ 1.77 +/- 0.43g
สรุปจากการศึกษา ที่ค้นคว้ามา ถั่งเช่า สามารถช่วยผู้ป่วยโรคเก๊าท์ได้ ทีนี้เราก็จะได้สลัด เก๊ารักตัวเอง สักที อิอิ ต่อไปก็ขอเสริมเกร็ดความรู้เพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย
โรคเก๊าท์เกิดขึ้นได้อย่างไร
เกาต์ หรือ เก๊าท์ (Gout) เป็นโรคของผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป พบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 9-10 เท่า โรคเกาต์ เกิดจากการที่ร่างกายมีกรดยูริกในเลือดสูง เป็นเวลานานทำให้กรดยูริกมีการตกผลึกตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น ข้อ ทำให้เกิดข้ออักเสบ เกิดที่หัวเข่า ทำให้หัวเขาอักเสบ ถ้าเกิดที่ไต ทำให้เกิดนิ่วในไตและอาจทำให้ไตวายได้ (อันตรายถึงชีวิต)
กรดยูริกมาจากไหน
1.ร่างกายสร้างกรดยูริกมากกว่าปริมาณที่ขับออก หรือเกิดจากร่างกายขาดสารในการสลายกรดยูริก โดยปกติร่างกายสร้างกรดยูริกเป็นปกติแต่ปริมาณที่ขับออกจากร่างกายมีน้อยกว่าปกติ โดยปกติร่างกายขับกรดยูริกจาก
- ระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะขับออกได้ประมาณ 1 ใน 3
- ขับออกทางไตได้ประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณกรดยูริกที่ร่างกายสร้างได้ในแต่ละวัน
2.จากอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารที่มีสารพิวรีนสูง และจากขบวนการสลายสารพิวรีนในร่างกาย โดยการสลายโปรตีนและได้สารพิวรีนออกมา ซึ่งกรดยูริกในร่างกายส่วนใหญ่จะเกิดจากการรับประทานอาหารเข้าไป เช่น เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ สัตว์ปีกเช่นไก่ อาหารทะเล รวมถึงผักบางชนิด
โรคเกาต์มักเกิดขึ้นกับ??
- จากพันธุกรรมที่มาจากญาติสายตรง ผู้ที่เป็นโรคเก๊าต์ มักพบว่ามีพ่อแม่ญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดมาจากพันธุกรรมขาดเอนไซม์บางตัวหรือเอนไซม์บางตัวทำงานผิดปกติ
- เกิดจากโรคบางชนิด ส่งผลให้มีกรดยูริกในเลือดสูง เช่น โรคมะเร็ง มะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคเลือด โรคทาลัสซีเมีย โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง รวมไปถึงการใช้ยารักษามะเร็งหรือฉายรังสี เป็นต้น
- เกิดจากไตขับกรดยูริกได้น้อยลง เช่น เป็นโรคไต ภาวะไตวาย
- เกิดจากผู้ที่มีความบกพร่องของการทำงานต่อมไร้ท่อบางชนิด
- เพศชายเป็นโรคเก๊าต์ได้มากกว่ามากกว่าเพศหญิง ประมาณ 9-10 เท่า
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นประจำ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ โดยเฉพาะเบียร์ เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ลดการขับกรดยูริกออกทางไตหรือทางปัสสาวะ หลังการดื่มจึงทำให้ไตขับกรดยูริกได้น้อยลง กรดยูริกจึงคั่งอยู่ในเลือดสูงกว่าปกติ
- การรับประทานอาหารที่ให้กรดยูริกสูงเป็นประจำ เช่น เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก ไข่ปลา หอย ปลาซาร์ดีน ปลาแฮริง ปลาไส้ตัน ปลาดุก กะปิ ซุปก้อน น้ำสกัดเนื้อ น้ำต้มกระดูก กระถิน ชะอม ดอกสะเดา ยอดแค ยอดผัก
- ความอ้วนหรือภาวะน้ำหนักตัวเกินมาตฐาน
- อากาศเย็น หรืออากาศเปลี่ยนแปลง เช่น ช่วงเช้า หรือช่วงก่อนฝนตก
- การติดเชื้อของร่างกาย
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิดที่มีผลทำให้ไตขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะได้น้อยลง เช่น แอสไพริน (Aspirin), ยาขับปัสสาวะ – ไฮโดรคลอโรไทอาไซด์ (Hydrochlorothiazide – HCTZ), ยากดภูมิคุ้มกัน – ไซโคลสปอริน (Cyclosporin), ยารักษาโรคพาร์กินสัน – เลโวโดปา (Levodopa) ฯลฯ
อันตรายจากโรคเก๊าท์
- ทรมานในการใช้ชีวิต ถ้าหากเป็นโรคเก๊าตแล้วไม่รักษาทำให้ข้อกระดูกก็จะถูกทำลาย และมีอาการปวดที่รุนแรง ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่เป็นประจำ โดยพบได้ข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ ข้อนิ้วและข้อศอก
- เกิดภาวะข้อพิการเคลื่อนไหวลำบาคหรือไม่ได้เลย
- นิ่วในทางเดินปัสสาวะ
- เกิดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ
- ผู้ป่วยโรคเกาต์มักจะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมองตีบ และไตวายจนเสียชีวิตได้